บ้านเด็กเล็กยุคใหม่ อบอุ่น ปลอดภัย เรียนรู้สนุก ปลูกฝังคุณธรรม โทร 0-3223-3787,08-1870-8817
วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556
รักลูกต้องฝึก เลี้ยงลูกต้องเข้าใจ...รัก
เลี้ยงลูกให้ดี-อีคิวสูง
ระดับสติปัญญาจะดีหรือด้อย
ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับพันธุกรรม หรือยีน ค่อนข้างมาก พูดง่ายๆก็คือว่า
ถ้าพ่อแม่เฉลียวฉลาดย่อมมีโอกาสสูงที่ลูกจะฉลาดได้เช่นกัน
ซึ่งเป็นเรื่องของพันธุกรรมที่ควบคุมไม่ได้ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นประกอบเสริมด้วย
เช่น การได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของสมองตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และหลังคลอด ในช่วงวัยเด็กบวกกับได้รับการเลี้ยงดู
การได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม
ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ(E.Q.) ก็เป็นเรื่องที่สำคัญต่อตัวเด็กไม่ใช่น้อย เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนสามารถสร้างให้ลูกได้เอง
ซึ่งเด็กจะมีพฤติกรรม
นิสัยอย่างไรขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นหลักใหญ่
ดังนั้นการให้ความสำคัญในเรื่องของอีคิวกับลูกตั้งแต่เล็กจะช่วยให้เด็กอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
นพ.กมล
แสงทองศรีกมล กุมารแพทย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น รพ.กรุงเทพ
ได้ให้เคล็ดลับการสร้างลูกรักได้ดีและมีอีคิวหรือความฉลาดทางอารมณ์ดังนี้
«ให้ความรักความเข้าใจ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
และคุณพ่อคุณแม่ต้องแสดงออกอย่างเหมาะสมด้วย การยิ้ม การสัมผัส การกอด โอบไหล่ เป็นการบอกถึงความรักที่เด็กสัมผัสได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรตามใจลูกมากเกินไป
ต้องสอนให้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อย่างไหนทำได้ อย่างไหนทำไม่ได้ ไม่บังคับหรือควบคุมมากเกินไปและน้อยเกินไป
«ความอบอุ่นของครอบครัว
คือความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันของคนในครอบครัว การอบรมสั่งสอน การเลี้ยงดูที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
หรือถ้ามีการขัดแย้งบ้างก็ควรมีการพูดคุย ตกลงกันให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
«รู้-เข้าใจพัฒนาการของลูก จะทำให้เข้าใจ
และปฏิบัติต่อลูกได้อย่างเหมาะสม ให้อิสระและโอกาสในการตัดสินใจ
ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าทำ กล้าแสดงออก
«สอนลูกให้รักตัวเอง-รักคนอื่น ต้องสอนให้ลูกรู้จักความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การแบ่งปัน
«ส่งเสริมให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า
เมื่อลูกทำดี หรือประสบความสำเร็จ ก็ควรชมหรือให้กำลังใจ
ซึ่งจะช่วยให้ลูกรู้สึกภูมิใจในตัวเอง
«ให้ลูกรู้จักคิดเป็นเหตุ-เป็นผล
โดยส่งเสริมทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและเรื่องสำคัญๆด้วย เช่น
ถ้าลูกอยากซื้อของเล่นแต่มีราคาแพงหรือมีอยู่แล้ว
ก็สอนให้ลูกรู้จักใช้หลักการและเหตุผลว่าควรซื้อหรือไม่ เพราะอะไร
เป็นต้น
«เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่างที่ดี ลูกก็จะเรียนรู้โดยอัตโนมัติ
โดยที่ไม่ต้องมานั่งสอน นั่งบอกเลย เช่น นิสัยรักการอ่าน เมื่อพ่อแม่มีเวลาว่างก็หยิบหนังสือมาอ่าน อ่านหนังสือ/นิทานให้ลูกฟัง
พูดคุยเกี่ยวกับหนังสือที่อ่าน เข้าร้านหนังสือบ่อยๆ แล้วลูกก็จะติดนิสัยรักการอ่านโดยไม่รู้ตัว
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
เด็กปลอดภัย ว่ายน้ำเป็น พัฒนากายใจ สัปดาห์ที่7
เด็กเล็กชั้น KG.1 บ้านแม่พระอุปถัมภ์ เรียนว่ายน้ำทุกวันอังคาร ที่ CJ Sport Club บรรยากาศดี เรียนรู้สนุก
มีสวนนกแก้วมาคอร์...สวนน้ำ...สวนหย่อม...ฝูงหงส์...ฝูงปลา...แมกไม้...สนามเล่น...สนามกีฬา...สระว่ายน้ำ...ครบครัน


ทำท่ากายบริหาร อบอุ่นร่างกายก่อนลงสระ
ฝึกเตะเท้า
บนบกและในน้ำ
ฝึกเตะเท้า

ฝึกใช้คลิ๊กบอร์ดลอยตัว เตะเท้า
สัปดาห์ที่ 6 เด็กๆเริ่มจับคลิ๊กบอร์ด ลอยตัว เตะเท้าได้ (น้องใบไม้-ด.ช.ศุภกร คงน้อย)
7สัปดาห์ผ่านไป เด็กๆเริ่มจับคลิ๊กบอร์ด ลอยตัว เตะเท้าได้ (ถอดชูชีพออก)
มีสวนนกแก้วมาคอร์...สวนน้ำ...สวนหย่อม...ฝูงหงส์...ฝูงปลา...แมกไม้...สนามเล่น...สนามกีฬา...สระว่ายน้ำ...ครบครัน
น้องสตรา |
น้องฟ้า |
น้ำมนต์ |
น้องน้ำหนึ่ง |
น้องใบไม้ |
น้องปั้นทอง |
ทำท่ากายบริหาร อบอุ่นร่างกายก่อนลงสระ
ฝึกเตะเท้า
บนบกและในน้ำ
ฝึกเตะเท้า
ฝึกใช้คลิ๊กบอร์ดลอยตัว เตะเท้า
7สัปดาห์ผ่านไป เด็กๆเริ่มจับคลิ๊กบอร์ด ลอยตัว เตะเท้าได้ (ถอดชูชีพออก)
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556
เด็กไทยก้าวไกลสู่อาเซียน
สุขภาพจิต…บุคลิกภาพเด็ก …สำคัญไฉน
วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่มากๆเลยนะคะ
การที่เด็กๆได้รับการอบรมเลี้ยงดูด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม เด็กก็จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีสุขภาพจิตและบุคลิกภาพที่ดีด้วยนะคะ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลเอาใจใส่ลูกรักของท่านด้วยความเข้าใจ
ให้ความรักความอบอุ่นอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอทั้งความรู้สึก คำพูดและการแสดงออก ก็จะทำให้ลูกรักรู้สึกมั่นคง ปลอดภัยและอารมณ์ดีด้วยค่ะ
พร้อมกันนี้ก็ต้องให้คำชมเชยในโอกาสที่เหมาะสม เช่น เมื่อลูกรักตักข้าวทานด้วยตนเอง เก็บของเล่นเข้าที่เมื่อเลิกเล่น (
อาจจะไม่เรียบร้อยไปบ้าง )
ถ้าหากลูกรักของคุณพ่อคุณแม่ทำผิด
ก็ไม่ควรใช้ท่าทางหรือคำพูดตำหนิลูกอย่างรุนแรง
แต่ควรใช้วิธีการอธิบายเหตุผลด้วยคำพูดที่ไพเราะอ่อนโยน เพื่อว่าลูกจะได้นำไปปฏิบัติต่อคนอื่นด้วย
การสร้างความไว้วางใจให้กับลูกรักก็สำคัญนะคะ
คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตนเอง ได้คิดได้ตัดสินใจด้วยตนเองบ้าง
โดยคอยช่วยเหลือเป็นบางครั้งเมื่อลูกรักต้องการและให้คำชมเชยเมื่อลูกรักทำสำเร็จ ก็จะทำให้ลูกมีความเชื่อมั่นในตนเอง
ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเคร่งครัดหรือเข้มงวดมากด้วยกฎเกณฑ์กับลูกมากเกินไปเพราะจะทำให้ลูกเกิดความเครียดได้ แต่ควรใช้เหตุผล
ใช้ความรักเป็นแรงจูงใจให้ลูกทำหรือแสดงพฤติกรรมที่ดี
มีจิตใจที่ดีและควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่ชอบ ความสนุกสนานก็จะช่วยให้ลูกรักเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข ผ่อนคลายและเป็นเด็กที่มีอารมณ์ดี ร่าเริง
แจ่มใสค่ะ
อย่าลืมนะคะ
บุคลิกภาพ
ความสุขและความเชื่อมั่นของเด็กๆจะเกิดขึ้นได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการอบรมเลี้ยงดูด้วยความรัก
ความเข้าใจและการสนับสนุนส่งเสริมลูกอย่างถูกต้องของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ
วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ระเบียบการใหม่
ระเบียบการสถานรับเลี้ยงเด็ก
เนอสเซอรี่บ้านแม่พระอุปถัมภ์ (St.Mary Nursery Home )
14
ม. 2 ซอยสุขาภิบาล 6 บ้านดอนกลาง
ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
โทร.0-3223-3787,08-1870-8817 โทรสาร 0-3223-3787 E-mail :DEKLEK24@GMAIL.COM
“บ้านเด็กเล็กยุคใหม่ อบอุ่น ปลอดภัย เรียนรู้สนุก ปลูกฝังคุณธรรม”
1. หลักสูตรการจัดการอบรมเลี้ยงดู
การเสริมสร้างพัฒนาการและการประเมินพัฒนาการ
-ยึดตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
พ.ศ. 2546 กระทรวงศึกษาธิการ
และแนวปฏิบัติที่กระทรวง
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำหนด
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อบริการจัดการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย อายุ 0-6 ปี (ประเภทไป-กลับ)และส่งเสริมให้มี
พัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย
และได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพตามธรรมชาติ
2.2 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองในการอบรมเลี้ยงดูและเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก
2.3 เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐด้านการพัฒนาเด็ก
และทรัพยากรมนุษย์
3. การเปิดรับสมัคร
3.1 รับเลี้ยงเด็กปฐมวัยอายุตั้งแต่ 0– 6 ปี ประเภทไป-กลับ
โดยการควบคุมดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์/สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดราชบุรี
3.2 เปิดรับสมัครทุกวัน เวลา 8.00 น. – 16.00 น.
3.2.1เอกสารที่ต้องนำมาสมัคร
- สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อเด็กและผู้ปกครอง 1 ใบ
- สำเนาสูติบัตร
(ใบเกิด) 1 ใบ
- รูปถ่ายเด็กที่เห็นใบหน้าชัดเจน ขนาด 2นิ้ว จำนวน 2
รูป
- รูปถ่ายผู้ปกครอง
(หรือผู้เกี่ยวข้องการมารับเด็ก) ขนาด 2นิ้วจำนวน 2 รูป
4.อัตราค่าธรรมเนียมการเลี้ยงดู
และการบริการอื่นๆ
4.1ค่าบริการเลี้ยงดู ค่าจัดกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการและค่าของใช้อื่นๆที่จำเป็นสำหรับเด็กจัดเก็บเป็นรายเดือน
ในอัตราที่เป็นธรรม และ เหมาะสมสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
5. กำหนดวันเวลาทำการของสถานรับเลี้ยงเด็ก
5.1วันจันทร์ ถึงวันศุกร์ เวลา 07.30-16.00น. หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์
5.2วันเสาร์ เปิดรับฝากพิเศษ เวลา 08.00-16.00น.เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองที่มีความจำเป็น
6.การจำหน่ายเด็กมีหลักเกณฑ์ดังนี้
6,1
ผู้ปกครองบอกเลิกฝากเลี้ยง หรือ
ผู้ปกครองไม่ชำระค่าเลี้ยงดูรายเดือนตามเวลาที่กำหนด
6.2 เด็กมีอายุเกิน 6 ปี
7.การรับ – ส่งเด็กเล็ก
7.1
สำหรับเด็กเล็กเข้าใหม่ในแต่ละครั้งต้องทำบัตรรับ – ส่ง
เมื่อมารับในแต่ละวันผู้ปกครองต้อง แสดงบัตรต่อครูพี่เลี้ยงทุกครั้ง
7.2 ลงเวลา รับ
– ส่ง และลงชื่อผู้รับ – ส่ง ความสัมพันธ์กับเด็ก
8. การแต่งกายของเด็กเล็ก
8.1 เด็กอายุ 1-3 ปี แต่งกายตามที่ผู้ปกครองจัดให้
สวมเสื้อ กางเกง หรือกะโปรง สวมรองเท้า
8.2 เด็กอายุ 3-6 ปี แต่งกายตามสถานรับเลี้ยงกำหนด
สวมเสื้อ กระโปรง กางเกง
ผ้ากันเปื้อน หมวก กระเป๋า
วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555
สร้างลูกน้อยให้เป็นคนสร้างสรรค์
![]() |
น้องบิว บ้านแม่พระ |
คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตเป็นเด็กที่มี
“ความคิดสร้างสรรค์”
จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการเลี้ยงลูกแบบเผด็จการค่ะ เช่น เมื่อลูกจะทำอะไร คุณแม่ก็ “อย่าๆ” ห้ามไว้ก่อน หรือใช้ความคิดประเภท “ปลอดภัยไว้ก่อน”
จนบางครั้งก็ทำให้ความกล้าที่จะคิด ความกล้าที่จะทำอะไรของลูกน้อยต้องสะดุดหยุดลงทุกครั้งไป
ทำให้เด็กไม่กล้าคิด ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าเดินนำหน้าใครด้วยตนเอง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความคิดของเด็ก
ฉบับนี้ครูเอมีเทคนิคง่ายๆในการฝึกลูกน้อยให้เป็นคนสร้างสรรค์ ( ที่บ้าน ) มาฝากด้วยค่ะ
![]() |
น้องจูน บ้านแม่พระ |
1. ฝึกให้ลูกได้คิดมากๆ พยามยามป้อนคำถามให้ลูกตอบให้มากที่สุด โดยไม่ต้องคำนึงคำว่าถูก-ผิด ใช่-ไม่ใช่นะค่ะ แต่ให้ลูกคิดออกมามากๆ ในเวลาที่จำกัดและเมื่อลูกตอบถ้ามีการเสริมแรงด้วยคำชม การปรบมือให้ก็จะดีมากเลยนะคะ
ฝึกทำเช่นนี้สม่ำเสมอลูกของเราก็จะ “คิดคล่อง”และ “รู้จักถาม”ด้วยค่ะ
2. ฝึกให้มีความคิดยืดหยุ่น คือมีคำตอบในทิศทางที่แตกต่างกันไม่ซ้ำกัน
3. ฝึกให้มีความคิดที่แปลกใหม่ แนะนำให้ลูกคิดถึงสิ่งใหม่ สิ่งที่ไม่มีใครคิดถึงซึ่งไม่ใช่คำตอบปกติ
4. ฝึกให้มีความคิดที่ถักทอโยงใยเป็นความคิดที่เชื่อมโยง คิดในสิ่งที่คนอื่นสังเกตไม่ได้ นำสิ่งที่ไม่
น่าเชื่อมโยงกันได้มาโยงเข้าหากันได้
นอกจากนี้ก็ยังควรฝึกให้เด็กมีความละเอียดลออเห็นในรายละเอียดที่คนอื่นไม่สังเกต
ความสามารถด้าน “ความคิดสร้างสรรค์”
เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้นะคะหากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจถึงแนวทางพื้นฐานเบื้องต้น คือ
การฝึกการสังเกตและฝึกวิธีคิดทั้ง 4 ด้าน* ที่สำคัญคือ “เสรีภาพในครอบครัวจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์”
คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ปิดกั้นหนทางในการสร้างสรรค์ของลูกน้อยค่ะ
*อ้างอิง: หนังสือหนูน้อยคุณภาพ หน้า 41-42
วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
เมื่อลูกก้าวร้าว...ทำอย่างไร?

พฤติกรรมก้าวร้าวที่ไม่รุนแรง
และไม่เป็นอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่น ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับเด็กวัย2-4 ปี
ไม่ว่าจะเป็นเด็กปกติหรือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ควรใช้เทคนิคปรับพฤติกรรมในลักษณะของการเพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก
และไม่ควรหัวเราะพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก แต่ควรแสดงสีหน้าที่เรียบเฉย นิ่ง สงบ
และลอบสังเกตพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก ซึ่งอาจใช้เวลาแตกต่างกันประมาณ 10-30 นาทีหรืออาจนานถึง1ชั่วโมง
หลังจากที่เด็กมีพฤติกรรมที่ลดลง สงบลง
ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กออกจากเหตุการณ์ช่วงนั้น
ไปสู่กิจกรรมอื่นแทนและไม่ควรพูดย้ำเตือนเหตุการณ์นั้นอีก
ใช้เทคนิคปรับพฤติกรรมด้วยวิธี time out โดยจัดมุมห้อง มุมใดมุมหนึ่งในบ้าน ซึ่งมุมนั้นควรเป็นมุมเงียบและไม่มีสิ่งที่เด็กสนใจ แต่ต้องไม่น่ากลัวสำหรับเด็ก ไม่ควรมีอุปกรณ์ใดๆ เป็นแรงเสริมให้เด็กสนใจหรือต้องการ ถ้าเด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายผู้อื่น หรือทำลายข้าวของ นำเด็กแยกออกจากสิ่งแวดล้อมขณะนั้นและนำเข้ามุมที่จัดไว้สำหรับปรับพฤติกรรม(มุมสงบ) ชั่วคราว เวลาที่ใช้ในการควบคุมพฤติกรรมเด็ก พิจารณาตามอายุ เช่น เด็กอายุ 2 ปี ใช้ 2 นาที และคอยดูแลอยู่ห่างๆ และเมื่อครบเวลานำเด็กออกจากมุมนั้น….ถ้าเด็กยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอีกก็จะต้องใช้วิธี..time..out..ทุกครั้ง
เทคนิคปรับพฤติกรรมโดยวิธีลงโทษ เป็นวิธีการหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมโดยทันที ซึ่งพฤติกรรมนั้นค่อนข้างรุนแรงและเป็นอันตรายต่อตัวเด็กและผู้อื่น แต่ควรใช้เป็นวิธีสุดท้ายกับเด็กเพราะเด็กไม่สามารถเข้าใจถึงเหตุผลต่างๆที่เกิดขึ้น แต่กลับเรียนรู้ว่าถ้าจะหยุดพฤติกรรมอื่นๆจะต้องใช้การลงโทษ(ซึ่งอาจใช้การตีการกัด)ไปใช้แก้ปัญหากับเด็กหรือผู้อื่นแทน
ถ้าพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กรุนแรงและเป็นอันตรายต่อผู้อื่นหรือตัวเด็กเอง
อาจใช้วิธีกอดรัดเพื่อหยุดยั้งพฤติกรรม และไม่สนใจต่อพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก
เด็กอาจจะดิ้นหรือต่อต้าน
ผู้ใหญ่ต้องมีความชัดเจน
อดทน และสม่ำเสมอ ต่อพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก
เมื่อเด็กสงบลงใช้วิธีเบี่ยงเบนไปสู่กิจกรรมใหม่แทน
ไม่พูดตำหนิในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และถ้าเด็กเกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้อีก
ก็อาจจะใช้วิธีการปรับพฤติกรรมเช่นนี้อีกทุกครั้ง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)